Breaking News
recent

นักวิทย์สามารถปลูก"ไต"ในห้องแล็บได้สำเร็จ...ใช้ทดแทนไตจริงในสัตว์ได้


ตามที่มูลนิธิโรคไตแห่งชาติ (National Kidney Foundation) มีผู้ป่วยชาวอเมริกันที่รอรับบริจาคไตมากกว่า 100,000 คน เพื่อรอการปลูกถ่ายไต ส่วนใหญ่อยู่บนรายชื่อที่รอรับบริจาค เฉลี่ย 3.5 ปี ก่อนที่จะได้รับการจับคู่ที่ตรงกับผู้ป่วย
ปลูกถ่ายไต
นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นจากคณะแพทย์ศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยจิเค กรุงโตเกียว เผยว่า ขณะนี้พวกเขาได้มีความคืบหน้าไปอีกขั้น หลังประสบความสำเร็จในการปลูกไตที่ได้ทดลองปลูกในห้องปฎิบัติการ (ห้องแล็บ) สำหรับนำไปใช้ทดแทนไตของจริง ที่ได้มีการทดลองกับสัตว์แล้วประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
งานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร PNAS โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ได้ใช้เซลล์ที่มีต้นกำเนิดมาจากมนุษย์ ในการปลูกไต ท่อไต และกระเพาะปัสสาวะในห้องทดลอง หลังจากนั้นก็นำอวัยวะเหล่านี้ไปทำการทดลองใช้ปลูกถ่ายในตัวหนู ก็พบว่า อวัยวะดังกล่าวสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ทำงานเป็นปกติเหมือนกับอวัยวะของจริง อีกทั้งยังมีการพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 8 สัปดาห์ถัดมา ไม่เพียงเท่านี้ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นยังได้ทำการทดลองในแบบเดียวกันนี้กับหมู ปรากฏว่าได้ผลลัพธ์ดีเช่นเดียวกัน
ศาสตราจารย์คริส เมสัน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน ในบอกว่า ผลการทดลองครั้งนี้ถือว่าเป็นความก้าวหน้าไปอีกขั้นสำหรับวงการแพทย์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการทดลองนี้ ไม่ได้หมายความว่าไตที่ได้จากการปลูกดังกล่าวจะสามารถใช้ได้ผลดีกับมนุษย์จริง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการพัฒนาการทดลองนี้กว่าจะประสบความสำเร็จจริงในมนุษย์
อย่างไรก็ดี ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังคงเดินหน้าการวิจัยเพื่อค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไป โดยหวังว่าจะสามารถนำไปดัดแปลงใช้กับมนุษย์ได้จริงในอนาคต แต่เนื่องด้วยเทคนิคดังกล่าวจะต้องมีประสิทธิภาพเพียงพอเพื่อให้การทำงานของไตกลับมาเป็นปกติได้มากที่สุด ไม่เพียงเท่านี้ พวกเขายังต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ไตเทียมดังกล่าวสามารถทำงานได้ตลอดอายุขัยของผู้ป่วย
ถือว่าเป็นความคืบหน้าไปอีกขั้นของวงการแพทย์และวงการวิทยาศาสตร์ ที่ช่วยกันพัฒนาและคิดค้นการปลูกถ่ายอวัยวะภายในของมนุษย์ให้ใช้งานได้จริง เพราะในปัจจุบันยังมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากที่รอรับการบริจาคอวัยวะ ไม่ใช่แค่เพียงโรคไตเท่านั้น ยังมีผู้ป่วยอีกนับ 1,000,000 ที่รอรับบริจาคอวัยวะอื่นๆ เช่นกัน
GoldHand

GoldHand

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.